• Sep 10, 2024

How CFA expand my career horizon ? เสียงสะท้อนจากห้องเรียน โดย พันธุ์เทพ  เล็กสกุลกมลศิริ

การเรียน CFA เปลี่ยนความคิดและมุมมองในการทำงานที่ปรึกษาของผมไปยังไง ? โดย พันธุ์เทพ เล็กสกุลกมลศิริ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการอิสระบริษัท วีบียอนด์ ดิเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) นี่เป็นหนึ่งรีวิวความประทับใจที่เกิดจากการที่นักเรียนท่านนี้ได้กลับมาสัมผัส และ เรียนรู้เนื้อหาของหลักสูตร CFA อย่างจริงจังในปีนี้ จนตกผลึกประโยชน์ ข้อมูลดีๆในเนื้อหาการเรียนออกมาจากใจ ส่งข้อเขียนมาให้ครูพิ้งเพื่อหวังจะส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับ CFA Candidate ท่านอื่นๆทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง ครูพิ้งประทับใจจึงต้องขออนุญาตนำมาเผยแพร่ไว้ในเวบไซต์ ในโอกาสนี้นะคะ ขอขอบพระคุณที่ได้มอบบทความนี้ เป็นเสียงสะท้อนออกไปในสังคมรุ่นใหม่ให้ทุกๆคนตื่นตัวในการเติมความรู้ทางการเงินให้ตัวเองเพื่อก้าวให้ทันโลกด้วยค่ะ

6/9/2567

การเรียน CFA เปลี่ยนความคิดและมุมมองในการทำงานที่ปรึกษาของผมไปยังไง ?

.

“ในฐานะคนทำงานในสายงานนี้บางครั้งทำงานไปนานๆก็ มีความรู้สึกว่าความรู้ในการทำงานก็เหมือนจะเดิมๆ ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ ในการปฎิบัติงานจริงก็คิดว่าทำเหมือนเดิม แนะนำลูกค้าในมุมเดิมๆก็น่าจะเพียงพอ หรือเพิ่มเติมข้อมูลตามข้อมูลที่ได้มาจากการพูดคุยในกลุ่มของคนทำงานด้วยกันก็น่าจะอัพเดทแล้ว ยิ่งการได้ไปอบรมจาก หลักสูตรของตลาดหลักทรัพย์เป็นบางหัวข้อก็เข้าใจว่า คนทำงานอย่างเราน่าจะมีความรู้มากพอต่อการทำงานในปัจจุบันแล้ว

.

⚠️ปัญหาคือ “เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร”

.

การ รับฟังเรื่องที่เกิดจากการปฏิบัติงานจากการพูดคุยกันในกลุ่มของคนทำงานกลายเป็นว่าเราไม่เข้าใจภาพรวมและการพัฒนาการของความรู้ทางด้านการเงินที่อัพเดทไปอย่างคาดไม่ถึง

.

แม้ว่าผมจะทำงานในสายงานนี้เองอยู่ทุกวันกลายเป็นว่า ปัจจุบันความรู้ ในตลาดทุนหรือความรู้ที่เกี่ยวข้องกับทางด้านการเงินมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดพร้อมด้วยเป็นการพัฒนาอย่างเป็นระบบในหลายมิติ จึงทำให้ความรู้ในการปฏิบัติงานส่วนใหญ่แล้วเป็นความรู้ที่ไม่สามารถเห็นภาพรวมของอุตสาหกรรมทางการเงินแบบเต็มรูปแบบ  คนทำงานอย่างเราก็ เข้าใจว่าเราน่าจะรู้ครบ ยกตัวอย่างเช่นความรู้เดิมๆ ในหลักของเศรษฐศาสตร์  การคำนวณมูลค่าหุ้นมูลค่าตราสารหนี้ มูลค่าสินทรัพย์ต่างๆหรือแม้กระทั่งความรู้ทาง Corporate Finance ที่เคยได้เรียนรู้มาในอดีตก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก

.

แต่พอได้อ่านหนังสือของ CFA อย่างตั้งใจและพร้อมจะเตรียมสอบจึงทำให้เข้าใจว่ามีหลายอย่างในเชิงทฤษฎีที่นักปฏิบัติอย่างเรายังไม่สามารถเจาะลึกและเข้าใจอย่างถ่องแท้ โดยเฉพาะยิ่งทำข้อสอบในหลายๆหัวข้อแล้ว จึงทราบดีว่าอุตสาหกรรมทางการเงินของบ้านเรา จำเป็นต้อง มีบุคคลกร รุ่นใหม่ๆ ที่ต้องมีการพัฒนาไปอีกมาก ประเทศเราจำเป็นต้องมีนักการเงินที่ดี มีความรู้จริง มีคุณธรรม เข้าใจอย่างถ่องแท้ ซึ่งตอนนี้ผมมั่นใจว่ายังขาดแคลนบุคคลากรในอุตสาหกรรมนี้อีกมาก

.

ผมในฐานะคนทำงานในวงการนี้ ผมบอกได้ว่าคนที่ทำงานอยู่ในวงการตลาดทุนส่วนใหญ่กลับยังไม่สามารถมีความรู้ที่จะทำให้การพัฒนาด้านตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ หรือการใช้เครื่องมือทางด้านการเงินต่างๆให้เกิดประโยชน์สูงสุด แม้หลายๆคนในวงการ จะทำงานกันมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องบอกให้ทราบเลยว่าบางครั้งคนที่เราเห็นเป็นผู้บริหารในตลาดทุนหลายๆคนก็ยังจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิชาทางด้านการเงินแบบเชิงลึก (เน้นว่าเชิงลึก) ถึงจะสามารถที่จะทำให้อุตสาหกรรมการเงินบ้านเราได้พัฒนาขึ้นไปอย่างมั่นคงได้

.

สิ่งที่ทุกวันนี้ผมตั้งใจที่จะสอบ  CFA ให้ผ่านเนื่องจากในปี 2017 ผมเคยสอบมาแล้วครั้งนึง แต่ในตอนนั้นเวลาในการเตรียมตัวสอบค่อนข้างที่จะน้อยและยังไม่ได้มีความตั้งใจอย่างแท้จริงในการสอบจึงทำให้รู้สึกว่าการทำงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราควรจำเป็นต้องเป็นมืออาชีพที่มากกว่านี้ ซึ่งเรามองไปรอบข้างแล้ว กลับเห็นว่าคนทำงานส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ตระหนักถึงความรู้ที่เป็นการทำงานอย่างมืออาชีพที่สากลเค้าทำกัน

.

จึงอยากบอกให้กับเด็กรุ่นใหม่ทุกๆคนว่าหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารในตลาดทุน นักการเงินคนทำงาน เจ้าของกิจการที่จำเป็นที่จะต้องเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตนั้นได้เรียนรู้  การทำการสอบ ให้เป็นกิจลักษณะของหลักสูตรให้อะไรได้มากกว่าแค่การทำข้อสอบให้ผ่าน แต่เป็นการทบทวนวิธีคิดในการทำงานจากหน้างานจริง การปะติดปะต่อข้อมูลที่อยู่รอบตัวหรือคิดว่าตัวเองรู้ดีแล้วในเรื่องธุรกิจโดยไม่ได้ใส่ใจเรื่องความรู้อย่างเป็นระบบทางด้านการเงินทั้งอุตสาหกรรมนั้น

.

ที่ผมเคยคิดว่าไม่จำเป็นยิ่งต้องไปสอบ CFA นั้นยิ่งไปกันใหญ่(คิดว่าเสียเวลาในการทำงานด้วยซ้ำ) แต่พอมาถึงเวลานี้ ผมทำงานมากว่า 10 กว่าปีทางด้านการเงินจึงเข้าใจว่าทุกอย่างในโลกได้ถูกพัฒนาขึ้นอยู่ตลอดเวลาความรู้เดิมๆในการทำงานกลับไม่สามารถตอบโจทย์ในการทำงานในปัจจุบันได้อีกต่อไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาความรู้แบบครบจบในที่เดียวได้จากแหล่งไหน

.

ยกตัวอย่างเช่น 🧩เรื่องของ geopolitic (ภูมิศาสตร์การเมือง)

.

ซึ่งเป็นผลกระทบใหญ่ต่อการวางแผนการลงทุนทั้งในระยะสั้น และระยะยาว สิ่งเหล่านี้ในอดีตไม่ได้มีผลกระทบมากนักแต่เชื่อว่าหลักสูตรของ CFA ได้ทำการวิเคราะห์มาเพิ่มเติมในปัจจุบันแล้วว่าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่อการตัดสินใจในการลงทุน การย้ายถิ่นฐานของประชาชนที่เกิดจากสงครามมีผลกระทบต่อแรงงาน โดยมีผลกระทบต่อการลงทุนในแง่ทั้งเศรษฐศาสตร์ การผลิตและการวางกลยุทธ์ของการลงทุนอย่างมีนัยยะสำคัญยิ่ง สิ่งเหล่านี้ในอดีตไม่เคยกล่าวถึงแต่ ปัจจุบันเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง  ถ้าเราไม่ได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้กลายเป็นว่าเราวางแผนการลงทุนที่ผิดก็จะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นอย่างมากต่อเงินลงทุนของเราและเงินทุนของลูกค้า

.

🧩เรื่องของ quantitative (หลักการของสถิติ)🧩

ในการวิเคราะห์ผลตอบแทนและความเสี่ยงหรือความสัมพันธ์ของพอร์ตการลงทุนแม้จะเป็นความรู้เดิมๆก็ตาม แต่การที่ได้เข้ามาทบทวนหรือเรียนเพิ่มเติมในหลายๆส่วนที่อาจจะหลงลืมไปในตอนเรียนปริญญาตรีการได้จับเครื่องคิดเลขขึ้นมาทำข้อสอบใหม่ ทำให้กระบวนการคิด เรื่องการลงทุนเป็นตัวเลขแบบสถิติ การได้ทบทวนวิธีการลงทุนในอดีต ได้ตกผลึกความผิดพลาดระหว่างสถิติกับความโลภได้ดียิ่งขึ้นสิ่งเหล่านี้แม้จะเป็นเรื่องเก่าก็ตามแต่เราสามารถนำความรู้ที่หลงลืมไปแล้วกลับขึ้นมาปัดฝุ่น เพื่อมาวิเคราะห์ในเชิงสถิติทำให้ได้รับรู้เรื่องของผลตอบแทนความเสี่ยงและความสัมพันธ์อย่างเป็นระบบมากขึ้นหลังจากที่ทำงานมาแล้วหลายปี

.

🧩เรื่องของ Soft Power 🧩

สิ่งเหล่านี้ปัจจุบันได้มีการสอนในหลักสูตร  CFA ซึ่งในอดีตไม่ได้มีการพูดถึง ในสังคมเราเพียงแค่ได้รับรู้ในฐานะคนทำงานเป็นคำสั้นๆว่า Soft Power เป็นเพียงคำพูดที่มีอิทธิพลต่อการตลาดต่อเศรษฐกิจหรือต่อการเงิน แบบหลวมๆ  แต่ในเชิงลึกแล้วเรากลับไม่ทราบความจริงอะไรเลย พอได้เรียนหลักสูตรนี้พร้อมกับได้ทำข้อสอบแล้ว(เน้นว่า พร้อมทำข้อสอบแล้ว) จึงเข้าใจคำว่า soft power เป็นอย่างไรในเชิงลึกมากขึ้นไม่ใช่เป็นเพียงประโยคสองประโยคที่เราเข้าใจแค่นั้น  ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบันจึงทำให้ระบบการเงินปัจจุบันเปลี่ยนไประบบการตลาดวิธีคิดของคนยุคเจนใหม่ก็เปลี่ยนไป จึงจำเป็นที่จะต้องรู้ให้ลึกมากขึ้นกว่าเดิม

.

🧩เรื่องของ ระบบการเงินดิจิตอล🧩

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องนึงที่ปัจจุบันจำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเพราะเทคโนโลยีทางด้านการเงินเปลี่ยนไปก่อนเรียนเราเข้าใจเรื่องของคริปโตโคเรซี่แบบคนเทรด แต่พอได้อ่านในเชิงลึกมากขึ้น จึงเข้าใจว่ามีการแบ่งประเภทของเงินดิจิตอลต่างๆ การใช้งานที่ต่างกันในแต่ละสกุลเงินดิจิตอล ความซับซ้อนของการวิเคราะห์เงินดิจิตอลความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในเชิงวิชาการ จึงจำเป็นอย่างยิ่งต่อการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆนี้นั่นหมายความว่า ถ้าเราไม่ได้ทราบถึงที่มาที่ไปในเชิงลึกแล้ว เราอาจจะตกเป็นเหยื่อของการลงทุนในยุคสมัยใหม่นี้ก็เป็นได้

.

🧩เรื่องของ เศรษฐศาตร์🧩

เรื่องนี้ยิ่งสนุกไปใหญ่ เหตุผลเพราะเศรษฐศาสตร์ที่เราเคยเรียนรู้ในอดีตเราคาดว่าน่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก คงเป็นทฤษฎีเดิมๆเท่านั้น แต่สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้  CFA ครั้งนี้กับตกผลึก ความคิดหลายอย่างทั้งในแง่ของการลงทุน ในแง่ของการทำงานมากขึ้น

.

ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันทันด่วนเกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งทางด้านกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ความสัมพันธ์ของ 2 หน่วยงานที่ถือเครื่องมือคนละตัว จึงเข้าใจการวิเคราะห์ของนักคิดทางเศรษฐศาตร์ว่า ทำไมต้องเป็น Fiscal ให้หน่วยงานกระทรวงการคลังทำหน้าที่ ส่วน Monetory ให้หน่วยงานแบงค์ชาติเป็นคนดูแล มีผลต่อประเทศอย่างไร

.

เรื่องเหล่านี้จึงทำให้เข้าใจการลงทุนมากขึ้นว่า  ความไม่สัมพันธ์กันในการทำงานของ 2 หน่วยงานนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของต่างชาติในการลงทุนหรือนักลงทุนในตลาดนั้นลดน้อยลง ผนวกกับ ความเข้าใจในการลงทุนของตราสารอนุพันธ์จึงทำให้สามารถวิเคราะห์การลงทุนในช่วงเวลานี้ได้อย่างมั่นใจมากขึ้นรวมถึงการผนวกเข้ากับการวิเคราะห์มูลค่าของตราสารทุนอย่างง่ายๆในหลักสูตร ยกตัวอย่างเช่นMarketcap to GDP จึงได้ทราบว่า3 อย่างที่ประกอบกันนี้ซึ่งมาจาก 3 วิชาในหลักสูตรที่สามารถนำมาวิเคราะห์รวมกันเพื่อให้เห็นภาพชัดต่อการลงทุน 

.

ด้วยปัจจัยที่เล่าให้ฟัง ฟันธงว่า หุ้นไทยไม่สามารถเติบโตได้ จึงได้ใช้ความรู้เหล่านี้ในการลงทุนในแบบนักลงทุนสถาบัน คำตอบคือการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ ก็สามารถทำให้เกิดกำไรขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็น

.

ความรู้ที่ชัดเจนอย่างนี่จึงทำให้การลงทุนส่วนตัวสามารถได้ผลตอบแทนที่ดีอย่างแม่นยำ ทำให้การเรียนรู้ของหลักสูตรCFA สร้างความมั่นใจต่อการลงทุนในทางอ้อม

.

จึงกล่าวได้ว่าถ้าเราไม่รู้จริงเราก็เป็นเพียงแค่ นักลงทุนแมงเม่าเท่านั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่อยากบอกน้องๆทุกคนที่เข้ามาเรียน ว่าจำเป็นอย่างยิ่งหลักสูตรเนี่ยควรเรียนและพยายามสอบให้ผ่าน(รวมถึงตัวผมด้วย)

.

สุดท้ายนี้ 🧩ความจำเป็นในการเรียนและสอบให้ผ่านของหลักสูตร CFA🧩 ยังเป็นเรื่องที่ผมติดใจอยู่มาหลายปี คนทำงานในสายการเงินนี้ส่วนใหญ่มากกว่า 70-80% บางครั้งใช้ความรู้แบบ งูงูปลาปลา ในการทำงาน หรือบางครั้งก็ไม่สามารถที่จะเชื่อมโยงความรู้ได้อย่างเป็นระบบ

.

ส่งผลให้ตลาดทุนบ้านเรา หุ้นมากมายที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์นั้น ไม่สามารถที่จะเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคงน่าเชื่อถือได้เพราะคนที่เข้ามาในตลาดทุนไม่ว่าจะเป็นนักเล่นหุ้น นักเก็งกำไร หรือแม้กระทั่งคนทำธุรกิจที่นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น หวังแต่ผลกำไรทางด้านการเงิน แต่ไม่ได้สนใจเรื่องความมั่นคง, ผลกระทบโดยรวมต่อนักลงทุน

.

สิ่งเหล่านี้เป็นอันตรายอย่างมากสำหรับตลาดทุนบ้านเรา เหตุผลหลักๆคือเราขาดบุคคลกรด้านการเงินเก่งๆ เพื่อเข้ามาพัฒนาให้เกิดความเชื่อมั่นในวงกรอีกมาก  ผมฐานะคนทำงาน ก็อยากส่งเสริมให้น้องๆรุ่นใหม่ๆ หรือรุ่นลูกรุ่นหลานรุ่น ที่มีความสนใจทางด้านนี้ถ้าจะเอาจริง

.

🧐เราจำเป็นต้องรู้จริง รู้แบบภาพรวมทั้งหมดไม่ควรมีความรู้แบบปะติดปะต่อเหมือนคนในอดีต

เมื่อรู้แล้วจะได้สามารถนำความรู้จริงมาใช้งานในตลาดทุน จะทำให้ประเทศเราพัฒนาขึ้นได้อย่างมีระบบเพราะนี่คืออุตสาหกรรมที่สำคัญยิ่งในการต่อยอดจากการทำธุรกิจเอสเอ็มอี ธุรกิจเล็กๆหรือแม้กระทั่งธุรกิจใหญ่ที่อยู่ในตลาด ที่จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำกับการดูแล อย่างเป็นระบบ เป็นมืออาชีพ และต้องไม่ฟังคำสั่งของนักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลต่างๆให้ปลอมแปลงเอกสาร ปลอมแปลงสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

.

สิ่งเหล่านี้ถ้าเรามีวิชาการอย่างสากลที่เข้าใจอย่างเป็นระบบแล้ว เราจะสามารถที่จะปกป้องและป้องกันสิ่งร้ายๆที่จะเกิดขึ้นจากผู้มีอิทธิพลในวงการการเงิน ทำให้อุตสาหกรรมทางด้านการเงินในบ้านเรานั้นมีความมั่นคงยั่งยืน เป็นที่ยอมรับ และสร้างความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนระดับโลกได้อย่างไม่อายใคร

.

🤔ประการสุดท้าย ผมต้องการเป็นตัวอย่างในสังคมของนักธุรกิจในบ้านเรา ในเวลาทำงานส่วนใหญ่แล้วการพูดคุยในวงนักธุรกิจ การให้ข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็มีความจำเป็น ต้องมีความรู้ที่ถูกต้องความรู้ที่ไม่ได้จำมาจากใคร หรือเป็นความรู้ที่ไม่ได้เกิดจากการปะติดปะต่อและคิดกันขึ้นมาเอง

.

การเรียนในหลักสูตร  CFA รวมถึงการสอบนั้น ข้อสอบเป็นแบบวิเคราะห์ ไม่ได้เป็นการสอบแบบจำแล้วตอบ  นั่นจึงเป็นการฝึกวิธีคิดแบบผู้บริหาร หรือคนทำงานในสายงานนี้อย่างมืออาชีพ

.

ผมอยากเป็นหนึ่งในตัวอย่างของคนที่ทำงานสายงานนี้มากว่า 10 ปี ให้ได้เห็นว่าหลักวิชาการมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาอุตสาหกรรมนี้ให้เกิดความมั่นคงและเจริญเติบโตให้เท่าเทียมกับสากลไม่ใช่เพียงแค่ต้องการ เงินใช้ชีวิตไปประจำวัน หรือการใช้เราเป็นเครื่องมือทางด้านการ หาเงินของผู้มีอิทธิพลบางกลุ่มเท่านั้น 

.

อีกทั้งผมต้องการเป็นตัวอย่างให้กับลูกสาวที่กำลังเข้ามาเรียนในกรุงเทพคณะบริหารธุรกิจ เพื่อบอกว่าถึงแม้คุณพ่ออายุจะเยอะแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองกันอย่างต่อเนื่องในฐานะคนทำงานด้วยความรับผิดชอบ

โดยจะนำความรู้เหล่านี้ ไปบอกต่อให้กับนักลงทุน ผู้ประกอบการหรือแม้กระทั่งคนในแวดวงได้อย่างถูกต้องอย่างมืออาชีพ พร้อมสะท้อนความมุ่งมั่นที่มีต่อความรับผิดชอบต่อสังคม

.

ฝากน้องๆลูกๆหลานๆหลายๆคนที่กำลังมีความตั้งใจจะสอบในโปรแกรม  CFA นี่ว่า ถ้าเราต้องการเป็นผู้บริหารในระดับสูงเงินเดือน 6-7 หลักนั้น

.

เราต้องเป็นผู้ที่เข้าใจหลักการทางด้านการเงินในเชิงลึกถึงลึกมาก เพราะในอนาคตความรับผิดชอบด้านการลงทุนนั้นสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อทุกภาคส่วนรวมถึงประชาชนตาดำๆด้วย

การไม่รู้จริงจึงเป็นเรื่องอันตรายที่อาจสร้างตราบาปต่อสังคมอย่างไม่ตั้งใจได้ เราคือบุคคลากรที่ แม้คำพูดเดียวก็ส่งผลทั้งดีมหาศาล และทำลายล้างมหาศาลได้ด้วยเช่นกัน

.

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนตั้งใจ สอบให้ดีที่สุดตามความตั้งใจอย่างสุดกำลัง ไปด้วยกัน คนอายุเยอะอย่างผมความตั้งใจอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องมาพร้อมด้วยสุขภาพที่ดีด้วย ปัจจัยที่เพิ่มขึ้นยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการอ่าน และสอบ จึงอยากให้น้องๆ อายุไม่เยอะรีบเร่งขยัน มุ่งมั่นตั้งใจสอบให้ผ่านอย่างเร็วที่สุด ทางชีวิตที่สดใสรออยู่ในสายงานนี้ มีแน่นอนให้กับคนมุ่งมั่นครับ

.

อุตสาหกรรมทางด้านการเงินสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศชาติมากครับ การลงทุนต่อจากนี้ นักการเงินพูดอะไรอย่างไม่มีเหตุผลไม่ได้อีกแล้ว เพราะ CHAT GPT ก็สามารถทำได้ ถ้าเราเป็นมืออาชีพเพียงพอนั่นคือ  เราเป็นคนสำคัญในอุตสาหกรรมนี้ที่จะมีแต่คนแย่งตัวไปทำงาน ยิ่งเราจะมีจุดยืนโดยยึดหลักวิชาการที่ได้จากหลักสูตรนี่แล้ว การทำงานอย่างมืออาชีพด้วย Certificate ที่ผ่านการขัดเกลาในระดับโลก อย่าง CFA แล้วนั้น จึงเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจเป็นอย่างยิ่งทำมันซะ แล้วทำให้ได้” 

.

หลักวิชาการที่เราได้เรียนรู้เหล่านี้ จะเป็นสิ่งปกป้องตลาดทุนในบ้านเราทำให้ประเทศเรา พัฒนาได้ดีไปกว่านี้อีก มันคืออนาคตของคนในชาติโดยรวม  เราไปช่วยกันรักษาสมดุลยภาพของสังคมที่กำลังเสียสมดุลไป ให้กลับขึ้นมาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมั่นคงต่อไป ด้วยหลักวิชาความรู้ คุณธรรมที่ได้เล่าเรียนจากเนื้อหาใน CFA ไปด้วยกันครับ

.

ขอบคุณครับ

พันธุ์เทพ  เล็กสกุลกมลศิริ

กรรมการตรวจสอบ และกรรมการอิสระบริษัท วีบียอนด์ ดิเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

6/9/2567

0 comments

Sign upor login to leave a comment